วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ต้นกิงโก้ (Ginkgo)

ต้นกิงโก้เป็นไม้ยืนต้น แบ่งเป็น ๒ ชนิด คือ ชนิดตัวผู้กับชนิดตัวเมีย....ต้นกิงโก้ตัวผู้ไม่เป็นที่นิยมปลูกทั่วไป  เพราะเหตุว่าผลของกิงโก้มีกลิ่นเหม็นรุนแรงมาก ใบมีกลิ่นเหมือนใบเฟริ์นหรือใบดอกฟลีเดอร์ (Flieder) เมล็ดของมันสามารถแพร่พันธุ์ได้  นอกจากนั้นเมล็ดของมันยังกินได้ด้วย...ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นนำเมล็ดไปคั่ว, ทำซุปและประกอบอาหารรับประทาน

ต้นกิงโก้มีกำเนิดมาตั้งแต่โบราณนานร่วม ๒๘๐ ล้านปีมาแล้ว  สืบพันธ์มาตั้งแต่เริ่มแรกจริง ๆ ๘๐ ล้านปีหลัง....Charles Darwin ได้ตั้งชื่อให้ต้นกิงโก้ว่า "ไม้ครำครึ" เพราะว่ามีอายุยืนมาก มีลำต้นสูงแข็งแรงมาก...กิงโก้เติบโตบนพื้นดินในยุคสมัยกลาง ก่อนประมาณ ๑๕๐ ล้านปี ได้มีต้นกิงโก้ร่วม ๑๐๐ ชนิด สามารถปลูกได้ทั่วไปเกือบครึ่งโลก....ปัจจุบันปลูกในประเทศชิลี, อัฟริกาใต้, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แพร่หลาย...ราว ๆ ก่อน ๗๐ ล้านปี กิงโก้มีลักษณะไม่แตกต่างกับปัจจุบันนัก....Ginkgo biloba เมื่อ ๕ ล้านปีก่อนนี้  ขึ้นปะปนอยู่ในป่าอเมริกาเหนือและในยุโรป  ปัจจุบันหลงเหลืออยู่น้อยมาก  ต้นสุดท้ายที่พอมีสืบพันธุ์บ้าง อยู่ที่บริเวณ tien-Mu-Shan ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน

ต้นกิงโก้ใช้รักษาและใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่างมาก....เนื้อของกิงโก้ใช้ทำยารักษาเกี่ยวกับโรคความจำเสื่อมของคนสูงอายุ, ยาบำรุงช่วยความจำ, รักษาเกี่ยวกับแผล, ใช้ระงับเลือด....ใบของกิงโก้ใช้ทำพลาสเตอร์ปิดแผล, ทำชารักษาโรคหืดหอบ, โรคไอ, โรคประสาท.....เนื้อภายในเมล็ดใช้ทำยารักษาโรควัณโรคและใช้รับประทานป้องกันวัณโรคได้

เมื่อ ๑๐๐๐ ปีมาแล้ว กิงโก้เป็นที่รู้จักในด้านเป็นยารักษาโรค  ต่อมาได้เป็นที่นิยมในประเทศจีน  จนกลายเป็นยาแผนโบราณ  ส่วนทางตะวันตกนั้น ก็ได้ใช้กิงโก้ทำยาบำรุงและยาช่วยด้านสมาธิและช่วยความจำสำหรับเด็กวัยเรียน ช่วยความจำสำหรับผู้สูงอายุ ยาระงับประสาท ยาระงับเลือดเวลาบาดเจ็บ  ใช้รักษาโรคติดบุหรี่ โรคมึนเวียนศีรษะ  โรคเสียงดังในหู (Tinitus) ซึ่งประสบความสำเร็จในการรักษามาแล้ว....เนื้อไม้กิงโก้ส่วนข้างในช่วยเปิดเส้นเลือดและทำยารักษาเกี่ยวกับระบบประสาททุกชนิด ใช้รักษาเซลประสาทและปรับการทำงานของสมอง

ต้นกิงโก้เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์  เพราะเหตุว่าใช้ทำประโยชน์ในด้านเป็นยาบำรุงรักษาโรคหลายชนิดได้.....ในประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่นปลูกต้นกิงโก้เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติไว้สืบต่อไป  ส่วนใหญ่จะปลูกในสวนในวัดและสุสาน....ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญต้นกิงโก้มาก  มีความเชื่อว่ากิงโก้เป็นต้นไม้ที่ช่วยทำให้ฝนตกตามฤดูกาลได้....ผู้หญิงที่มีลูกอ่อนเชื่อว่า กิงโก้ช่วยทำให้เขามีน้ำนมให้ลูกดื่มเพียงพอได้  จึงมีการปลูกต้นกิงโก้ไว้ในบริเวณบ้าน

กิงโก้เกิดในยุโรปเมื่อปี ค.ศ. ๑๗๕๐  นักศึกษาวิจัยเกี่ยวกับธรรมชาติ Engelbert Kämpf ได้ปลูกต้นกิงโก้เมื่อปี ค.ศ. ๑๗๙๖  ไว้ในบริเวณปราสาท Park Dyck ที่ Rheinland....บางคนเรียกกิงโก้ว่า ต้นตีนเป็ด, ต้นหูช้าง, ต้นใบแบน, ต้นผมเด็กผู้หญิง, ต้นไม้วัดจีน, ต้น Vierzig-Taler, ต้น Goethebaum....กิงโก้ในประเทศจีนปุ่นเมื่อครั้งระเบิดนิวเคลียที่เกาะฮิโรชิม่าผ่านไป ๑ ปี  ต้นกิงโก้ที่ถูกระเบิดเหลือแต่ตอ ได้เกิดรากงอกใหม่ใหญ่โต สามารถรอดตายได้

บทความนี้แปลจากหนังสือ PFLANZEN UND UMWELT
เขียนโดย Dr. Ulf  Merbold ,Dr. Hellmuth Karasek