วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2567

ความกตัญญูกตเวทีของสัตว์

 พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า  "ความกตัญญูกตเวทีเป็นพื้นฐานของการเป็นคนดี" ความกตัญญู" หมายถึง รู้คุณของผู้มีคุณต่อตนเอง  "กตเวที"  หมายถึง ตอบแทนคุณผู้มีพระคุณต่อตนเอง  
สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ได้ทรงกล่าวเป็นพระคติธรรมดังนี้ว่า "ความดีทุกประการจะงอกงามขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากภูมิธรรมสำคัญเป็นรากฐานประดุจผืนดินอันอุดม กล่าวคือ "กตัญญู" รู้คุณท่านและ "กตเวที" ตอบแทนบุญคุณท่านผู้มีอุปการคุณ

แม้แต่สัตว์ยังมีความกตัญญูกตเวที  คุณเชื่อไหมคะว่าสัตว์บางชนิดซึ่งไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่เขาก็มีพื้นฐานจิตใจที่ดี คือรู้จักบุญคุณคนและคิดที่จะตอบแทนบุญคุณผู้มีอุปการคุณ เรื่องที่ฉันเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่ฉันประสบกับตนเอง รู้สึกประทับใจมากและทำให้จดจำไว้อย่างไม่มีวันลืม บางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระก็ได้ แต่สำหรับฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องคติเตือนใจที่่ดียิ่ง จึงอยากจะนำมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เรื่องมีอยู่ว่า

ในฤดูร้อนช่วงเดือนกรกฎาคมในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งฉันมีบ้านอยู่ที่นั่น มีสวนสีเขียวร่มรื่นมีต้นไม้ขึ้นรอบบ้านเสมือนอยู่บนเกาะสีเขียว  จึงมีสัตว์ชอบมาอาศัยอยู่ในบริเวณสวนอยู่บ่อยๆ เช่นแมวชาวบ้าน จะชอบแอบมาเดินเล่นและเผลอๆ ไม่ยอมกลับบ้านก็แอบมานอนในศาลานั่งเล่นของเราอยู่บ่อยๆ นอกจากนั้นก็จะมีนกหลายชนิดมาแอบทำรัง นกบางประเภทก็มีลูกไปหลายรุ่นแล้ว  

บ่ายวันหนึ่งในฤดูร้อนนี่เอง วันนั้นอากาศไม่ร้อนมากปลอดโปร่งเย็นสบาย มีนกน้อยตัวหนึ่งบินมาชนหน้าต่างหน้าบ้านเสียงดังมาก ความที่หน้าต่างกระจกใสมาก เขาคงมองไม่เห็นว่าเป็นหน้าต่าง จึงบินชนอย่างแรง เสียงหล่นลงมากับพื้นไม้ที่พื้นหน้าบ้านดังมาก ฉันจึงได้วิ่งออกไปดู  ก็เห็นนกตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งนอนสลบอยู่กับพื้น  จึงรีบจับเขาขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วหากล่องกระดาษมาใส่เขา เพื่อที่จะให้เขาได้พักฟื้น เพราะฉันแน่ใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่สลบไป เดี๋ยวก็คงจะฟื้นและบินได้ หลังจากที่เจ้านกน้อยได้นอนพักสักครู่หนึ่งก็เริ่มรู้สึกตัว ฉันได้เอามือลูบหัวเขาเบาๆ แล้วบอกเขาว่า "หนูน้อยไม่ต้องกลัวฉันนะ เดี๋ยวเธอแข็งแรงแล้ว ฉันก็จะปล่อยเธอไปหาแม่เธอนะ

ไม่นานเจ้านกน้อยเริ่มรู้สึกตัวแล้วลืมตามองฉันด้วยแววตาตกใจและกลัว ฉันใช้มือทั้งสองค่อยๆ ช้อนตัวเล็กๆ บอบบางขึ้นมาจากกล่องกระดาษ แล้วค่อยๆ วางลงบนโต๊ะ เจ้านกน้อยคงสัมผัสได้ว่า ฉันไม่เป็นอันตรายแก่เขาๆ จึงให้ฉันจับโดยดี พอถูกวางลงบนโต๊ะแล้ว สักครู่เจ้านกน้อยน่ารักก็ลุกขึ้นยืนได้ เขามองหน้าฉันจองหน้าอย่างเป็นมิตร ฉันเดาว่าคงจะเป็นอาการแสดงความขอบคุณที่ฉันได้ช่วยชีวิตเขาให้พ้นจากอันตราย ถ้าฉันไม่ช่วยเขาๆ อาจจะโดนแมวกัดก็ได้ เขาก็อาจจะถึงความตายได้ 

ในระหว่างที่เจ้านกน้อยผู้น่าสงสารกำลังสลบอยู่นั้น  แม่นกได้มาบินวนเวียนอยู่ในสวน ส่งเสียงร้องเรียกลูกตลอดเวลา เมื่อเขาเห็นแล้วว่าลูกของเขาอยู่ในที่ปลอดภัยจึงเงียบเสียงไป ส่วนเจ้าลูกนกนั้นพอมีแรงก็ได้บินจากไป ส่วนตัวฉันก็เข้าห้องนอนพักผ่อนสักครู่ พอตื่นมาสามีบอกว่าให้รีบออกไปหน้าบ้าน มีใครมารออยู่นานแล้ว เขาคงอยากพบเธอมั้ง ฉันได้แต่นึกในใจว่าจะมีใครอยากพบฉัน ปกติถ้ามีใครจะมาหาเรา เขาก็จะโทรบอกล่วงหน้า นึกไม่ออกว่าจะมีใครมาหา พอเดินออกไปหน้าบ้านฉันก็ตกใจที่ได้เห็น...นกAlster สองแม่ลูกเดินวนเวียนไปมาอยู่ที่นอกชานหน้าบ้าน พอทั้งสองแม่ลูกเห็นฉัน เขาหยุดเดินแล้วมองมาที่ฉันๆ รับรู้การแสดงออกของพวกเขา นั่นคือการแสดงขอบคุณที่ฉันได้ช่วยชีวิตลูกเขานั่นเอง มันเป็นภาพที่น่ารักมาก พวกเขายืนมองฉันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็บินจากไป ฉันรู้สึกปลื้มปีติมากในเหตุการณ์วันนั้น

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมาลงเล่นในสวนบ่อยๆ แต่ฉันก็จำไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมีAlster เยอะมากและยังทำรังไว้บนต้นไม้ใหญ่ด้วย เป็นอย่างไรบ้างค่ะอ่านเรื่องนี้จบแล้ว คุณผู้อ่านค่ะ วันนี้คุณได้ทำความดีหรือยังคะ โดยเฉพาะความกตัญญูกตเวที ท่านใดยังไม่ได้ทำให้เจริญงอกงามก็ยังไม่สายที่จะเริ่มนะคะ

                                  

วันพุธที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2566

มนุษย์มิจฉา ( ตอน 4)

 เรื่องราวที่ผู้เขียนได้เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นเพียงคร่าวๆ เท่านั้น ยังมีรายละเอียดที่ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้เพราะอาจจะเป็นการไม่เหมาะสม สรุปแล้วในที่สุดฉันและน้องสาวได้ถูกมนุษย์มิจฉาชีพหลอกสูบเงินแบบสบายๆ อยู่เป็นเวลา 7 เดือน รวมจำนวนเงินทั้งหมดร่วมสามแสน มันเป็นบทเรียนที่ราคาแพงมาก ผู้เขียนจึงอยากจะแชร์ประสบการณ์นี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ความเมตตาโดยไม่มีปัญญาทำให้เราเจ็บปวดภายหลังได้ ผู้กระทำก็จะเจ็บปวดกว่าผู้ถูกกระทำเป็นเท่าตัวเมื่อกรรมของเขาส่งผล เพราะฉะนั้นการที่เราจะเมตตาช่วยเหลือคนแปลกหน้าสักคน เราควรจะสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลผู้นั้นให้ทราบชัดเจนก่อนว่า เขาควรได้รับความช่วยเหลือไม่และควรจะช่วยเขาเพียงใด 

เรื่องนี้ยังไม่จบค่ะท่านผู้อ่าน มีอยู่วันหนึ่งเราตัดสินใจจะมาเมืองไทยในเดือนตุลาคม เราได้แจ้งชายเจ้าเล่ห์ว่า เราสองคนจะไปเยี่ยมบ้าน พอเขาได้ยินก็คงจะตกใจมากที่อยู่ๆ ก็จะบินไปไทย เขาถามว่า "จะไปทำไมกัน เที่ยวอยู่เมืองนอกสนุกกว่าเยอะ" สังเกตุจากน้ำเสียงเขาในตอนนั้นรู้สึกไม่พอใจที่รู้ว่าเราจะไปไทย เราจับพิรุธได้ว่าเขาต้องมีอะไรปิดบังพวกเรา จึงไม่อยากให้เราไปเยี่ยมบ้าน แต่เราไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น 

ก่อนที่เราจะเดินทางหนึ่งสัปดาห์ ทางน้องสาวที่เมืองไทยได้ว่าจ้างให้ชายเจ้าเล่ห์ผู้นี้ไปทำความสะอาดบ้านให้พวกเรา เขามาบ่นให้พวกเราฟังว่า ถ้าได้ค่าจ้างน้อยเขาจะไม่รับทำ พวกเราคิดว่าเขาจะทำความสะอาดบ้านให้เราเป็นการตอบแทนบุญคุณบ้าง แต่แล้วก็ได้เห็นความเห็นแก่ตัวของเขาจนเราไม่สามารถที่จะรับได้

ผู้เขียนได้ปิดลายน์แบบถาวรทันที คิดว่าจะไม่ต้องการรับรู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป เราให้เขามามากแล้วแต่เขาไม่คิดที่จะทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ เป็นการแสดงให้เราเห็นว่าเขามีน้ำใจและมารยาทที่ดีต่อเราบ้าง เคยเป็นคนหยาบพูดจาไม่มีสัมมาคารวะอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น จะพูดมีหางเสียงก็ตอนที่อยากได้รับความช่วยเหลือ

ในเมื่อหมดหนทางทำมาหากินเพราะทางเราตัดขาด ในที่สุดเขาก็ไปรับจ้างทำความสะอาดบ้านของผู้เขียน โดยที่จ้างเท่าไหร่ก็เอา ขอให้ได้เงินพอซื้อข้าวให้หลานไปวันๆ เราเดินทางมาถึงบ้านที่เมืองไทย วันหนึ่งเขาเขามารับจ้างทำความสะอาดสวนให้น้องสาว เขาได้แวะไปหาผู้เขียน ไม่มีมารยาทเลย เปิดประตูบ้านโผล่หน้าเข้าไปถามหาน้องสาวผู้เขียน ทำเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่กลับไปฟ้องน้องสาวผู้เขียนว่า ทำไมผู้เขียนไม่รับไหว้เขา น้องสาวก็สงสัยจึงถามผู้เขียน นี่เขาแต่งเรื่องโกหกได้ขนาดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เจตนาของเขาคือต้องการให้น้องสาวเข้าใจผิด คิดว่าผู้เขียนรังเกียจเขา จึงไม่รับไหว้เขา แต่จริงๆ แล้วเขาไม่เคยไหว้ผู้เขียน

อยู่มาวันหนึ่งความจริงทั้งหมดปรากฏให้น้องๆ ที่บ้านทราบว่า เราอยู่เมืองนอกโดนคนเมืองไทยหลอกไปหลายแสน พวกเขารับไม่ได้เพราะคนที่หลอกเป็นคนที่พวกเขาเคยจ้างทำงานสิบกว่าปีและโดนโกงเงินมาตลอด พอจับได้เลยไล่ออกไป ต่อมาเขาไม่มีทางไปจึงก้มหน้าเข้าไปหาแล้วของานทำ แต่เขาก็ได้แค่งานที่ไร้สมอง พวกน้องๆ ของผู้เขียนทนไม่ได้ที่พวกเราเสียรู้ผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้

น้องสาวสองคนได้ไปหาเขาถึงบ้านแล้วทวงสิ่งของที่ผู้เขียนซื้อให้คืน เช่น รถสามล้อเครื่อง ซึ่งเขาเตรียมจะเอาไปขาย ตอนแรกก็บอกว่าเอาไปจำนำ น้องสาวบอกว่าจำนำที่ไหนให้ไปไถ่มา ถ้าวันรุ่งขึ้นไม่ได้รถสามล้อเครื่องคืน เรื่องนี้ต้องถึงตำรวจแน่ๆ 

วันรุ่งขึ้นตอนเช้าชายเจ้าเล่ห์ได้รีบนำรถสามล้อเครื่องและถังเก็บน้ำแข็งมาคืน เรื่องทวงของคืนนี้พวกเราไม่สนใจแล้วล่ะ คือเราให้เขาแล้วก็แล้วไป แต่พวกน้องสาวผู้เขียนไม่ยอม เมื่อได้รถสามล้อเครื่องมาแล้ว เขาก็นำไปขายได้เงินมาพอสมควร เงินจำนวนนี้มีความหมายมากเพราะจะเก็บเงินไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลแม่ซึ่งป่วยหนัก พวกเราก็โล่งอกไป ที่อย่างน้อยสิ่งของมีค่าที่ไม่คู่ควรกับคนเลว ก็ได้มากลับคืนมาและแปรสภาพเป็นเงินซึ่งเป็นประโยชน์แก่แม่ซึ่งกำลังเจ็บป่วยอยู่ 

เรื่องราวเกี่ยวกับ " มนุษย์มิจฉา" ถ้าพูดกันในแง่ของกรรม ก็คงจะเป็นเวลาที่กรรมของผู้เขียนและน้องสาวส่งผล ขนาดอยู่ไกลแสนไกลก็ยังโดนหลอกได้  " นัตถิ กัมมัง สมะพลัง" แรงใดในโลกเสมอด้วยแรงกรรมไม่มี 

ผู้เขียนหวังอย่างยิ่งว่าเรื่องประสบการณ์เกี่ยวกับมนุษย์มิจฉานี้ คงจะเป็นอุทาหรณ์แก่ท่านผู้อ่านนะคะ อย่างน้อยท่านก็ได้ทราบถึงวิธีการและเล่ห์เหลี่ยมของพวกมิจฉาชีพเป็นอย่างไร จะได้ระวังตัวไม่ให้โดนหลอกง่ายๆ เหมือนที่ผู้เขียนและน้องสาวเคยประสบมาแล้วนะคะ ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงรอดพ้นจากภยันตรายจากการถูกหลอกของพวกมิจฉาชีพด้วยเถิด