วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2566

มนุษย์มิจฉา ( ตอนที่1)

 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้ประสบมากับตนเองเมื่อต้นปีนี้เองค่ะ จึงอยากจะนำมาเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ท่านผู้อ่าน เพื่อท่านจะได้ระมัดระวังตนให้ปลอดภัยจากมนุษย์มิจฉาชีพ ปัจจุบันนี้มนุษย์เบียดเบียนกันอย่างไร้ความละอายเกรงกลัวต่อบาป นับวันแต่พวกมนุษย์มิจฉาชีพ จะเติบโตแผ่ขยายวงกว้างมากขึ้น กฏหมายบ้านเมืองก็ทำอะไรมนุษย์เหล่านี้ไม่ได้ 

ไม่แน่ท่านผู้อ่านบางท่านก็อาจจะเคยโดนมาแล้ว ถ้าหากท่านเคยเสียท่าพวกมนุษย์มิจฉามาแล้ว  อยากจะเผยแพร่เล่ห์กลของพวกมนุษย์เหล่านี้ให้เพื่อนๆ ได้รับทราบหรือเป็นอุทาหรณ์ เชิญเผยแพร่ที่เวปนี้ได้เลยนะคะ เรามีเนื้อที่สำหรับท่านเสมอค่ะ

เรื่องนี้เริ่มเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566  เช้าวันนั้นมีโทรศัพท์จากเมืองไทย (ผู้เขียนปัจจุบันอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) พอรับสายก็ได้ยินเสียงผู้ชายวัยกลางคน ทักมาว่า " คิดว่าจะโทรไม่ติดซะแล้ว" ผู้ชายคนนี้ผู้เขียนเคยจ้างให้รดน้ำในสวนที่บ้านที่เมืองไทย เพื่อที่เขาจะได้มีเงินค่าเช่าบ้านทุกๆ เดือน เขาบอกว่า " ผมขอยืมเงินสัก 10'000 บ. ได้มั๊ย"  ฉันยังไม่ตอบทันที ได้พูดให้น้องสาวซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ เขาก็ได้ยิน เราได้ตกลงกันว่าจะช่วยผู้ชายคนนี้ให้มีชีวิตใหม่สักครั้ง จึงได้ตอบไปว่า " ไม่ต้องยืมหรอก เราสองคนจะช่วยให้เธอมีชีวิตใหม่ ให้มีโอกาสมีความสุขบ้าง"

เราสองพี่น้องมีความสุขมากในเวลานั้น เพราะคิดว่าเรามีโอกาสที่จะได้ช่วยเหลือคนทุกข์ยากลำบากให้มีชีวิตใหม่สักคน เพราะรายได้จากเงินบำนาญก็เหลือใช้และพอมีเหลือเก็บบ้าง ไม่เดือดร้อนอะไร จึงคิดอยากจะช่วยเขา เราเริ่มต้นถามเขาว่า " เธอต้องการยืมเงินไปทำอะไร" 

เขาตอบ " ผมต้องการเอาไปลงทุนค้าขายครับ"  พวกเราตกลงทันทีที่จะให้เงินลงทุนแก่เขา จึงได้ถามเขาว่า

" ต้องการอะไรบ้าง"  " ผมต้องการรถสามล้อเครื่องสักคัน จะเอาไว้เที่ยวเร่ขายของตามหมู่บ้านครับ" เขาผู้จาสุภาพขึ้น เราสองคนตกลงซื้อรถสามล้อเครื่องให้ จึงถามเขาว่า" รถสามล้อเครื่องราคาเท่าไหร่ล่ะ"

" ราคา 54'000 บาท ครับ" ในเวลานั้นเราไม่ได้คิดไตร่ตรองอะไรมากเลย มีแต่ความรู้สึกดีใจที่จะได้ช่วยผู้ชายที่น่าสงสารคนหนึ่ง อายุ 50 ปีแล้วยังไม่มีอาชีพเป็นหลัก มีรายได้จากการเป็นไลน์แมนก็ได้วันหนึ่งๆ แทบไม่พอกิน ยังมีหลานวัย 9 ขวบที่ต้องเลี้ยงดูอีกคน เรารู้จักเขาผิวเผินมาก แต่เราหวังดีต่อเขาด้วยความเมตตาที่จริงใจ จึงบอกให้เขาไปติดต่อซื้อรถสามล้อเครื่อง เขาไปติดต่อร้านประกอบรถสามล้อเครื่องได้ในวันนั้นอย่างรวดเร็ว  ผู้เขียนก็ได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้ชายคนนี้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

หลังจากที่เขาได้รับเงินไปชำระค่ารถสามล้อเครื่องแล้ว เขาหายเงียบไป 2 สัปดาห์ เราเริ่มสงสัยว่าเขาคงจะเล่นไม่ซื่อกับเรา น้องสาวจึงได้โทรถามว่าได้รถหรือยังหรือว่าเล่นตุกติกกับพวกเรา เขาโมโหมากที่น้องสาวพูดเช่นนั้น เรารอเป็นเวลา 1 เดือนจึงได้เห็นรูปรถสามล้อเครื่อง เขาส่งรูปไปให้ดู เราก็ดีใจที่เขาเป็นคนซื่อสัตย์จริงๆ แต่เรื่องรถยังไม่เสร็จแค่นี้ เขาบอกว่าต้องมีหลังคารถด้วย จะได้กันแดดกันฝนได้ เราตอบตกลง แค่หลังคารถก็เป็นจำนวนเงินไม่น้อย เรารีบโอนเงินให้เขาทันที เมื่อเขาได้เงินแล้ว เขาก็จะแจ้งบอกให้เรารับทราบ แต่ที่แปลกใจมากคือ เราไม่เคยได้ยินเขากล่าวคำ " ขอบคุณ" เลยสักครั้ง จนผู้เขียนอดไม่ได้ที่จะเตือนเขา จึงบอกไปว่า ยาเหลือเธอครั้งนี้ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ เลยจากเธอ ขอเพียงคำ " ขอบคุณ" สักครั้งได้ไหม เขารีบกล่าวคำขอบคุณทันที 

ขอย้อนไปตอนที่เราบอกว่า เราจะช่วยเขาให้มีชีวิตใหม่ แต่เราขออย่างเดียวให้เลิกสูบบุหรี่ เขารับปากตกลงอย่างรวดเร็ว บอกว่าจะเลิกทันทีในเที่ยงคืนวันนั้น เราก็เป็นห่วงสุขภาพเขาเพราะเห็นว่าอายุมากแล้วและยังต้องภาระเลี้ยงดูหลาน หากเป็นอะไรไปใครจะดูแลหลาน 

 พอเขาได้สิ่งที่ต้องการแล้ว การพูดจาก็จะไม่มีหางเสียง บางครั้งถ้าเราถามซ้ำๆ เขาก็จะเผลอส่งเสียงตะคอก แต่พวกเราก็ไม่ถือโทษโกรธเขา เพราะคิดว่าเขาเป็นคนไม่มีพ่อแม่อบรมสั่งสอน ชีวิตถึงได้ย่ำแน่มาตลอด 

ในวันที่เขาไปรับรถสามล้อเครื่องที่ร้าน เราขอให้ส่งใบเสร็จการซื้อขายให้เราดูด้วย เขาก็ส่งให้ดู แต่ไม่มีรายละเอียดนอกจากชื่อผู้ซื้อกับชื่อผู้ขาย พอซักถามก็บอกว่าทางร้านเขียนให้แค่นี้ เราก็ไม่ติดใจที่จะเอาความ

หลังจากได้รถไปแล้ว 3 วัน มีปัญหายางรถมอร์เตอร์ไซค์แตก ต้องเปลี่ยนยางใหม่ เขาโทรไปหาเราตั้งแต่เรายังไม่ตื่น แต่ผู้เขียนไม่ได้ลุกขึ้นมาคุยด้วย เขาโทรบ่อยมากจนในที่สุดต้องรับสาย เขาขอร้องให้เราช่วยค่าซ่อมและเปลี่ยนยางรถมอเตอร์ไซค์ เพราะเขาใช้วิ่งไลน์แมนทุกวัน เราเลยบอกว่ารถมอเตอร์ไซค์คันนี้มันเก่ามากแล้ว เห็นซ่อมอยู่บ่อยๆ เมื่อปีที่ผ่านมาเรามาพักอยู่ที่เมืองไทย ได้รู้จักผู้ชายคนนี้ในฐานะคนรับจ้างทำสวน พอเขาว่างก็จะมาหางานทำ เราสงสารก็ให้เขาทำโน่นนี่นั่นและให้ทิปเป็นประจำ เพราะเห็นว่าเขามีรายได้น้อย บางครั้งไม่มีรายได้เลย เราก็ให้เงินไปซื้ออาหารให้หลานกิน ช่วยค่าเสื้อผ้านักเรียนและเครื่องเรียนของหลานด้วย 

ทีนี้มาเรื่องรถมอเตอร์ไซค์ เราสองคนพี่น้องตกลงจะให้รถมอเตอร์ไซค์ใหม่แก่เขา เพื่อที่จะได้ใช้วิ่งไลน์แมนได้อย่างสะดวก ตกลงเขาไปเลือกรถมือหนึ่งแล้วถ่ายรูปให้เราดู เราก็ตกลงรีบโอนเงินให้ทันที ขอดูใบเสร็จการซื้อขายก็เหมือนเดิม คือไม่มีรายละเอียดให้เห็น เราก็คิดว่าคงเป็นเรื่องปกติของเมืองไทยมั้ง